แนวข้อสอบ พนักงานการเงินและบัญชี 3 การประปาส่วนภูมิภาค กปภ. ปี 2567
โปรมแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
1. ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ คืออะไร
ก. อุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบโปรแกรมการทำงาน
ข. โปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน
ค. เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานตามขั้นตอนของโปรแกรม
ง. ระบบโปรแกรมการทำงาน
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ข
2. ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ คืออะไร
ก. อุปกรณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบโปรแกรมการทำงาน
ข. การคำนวณ
ค. เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานตามขั้นตอนของโปรแกรม
ง. ระบบโปรแกรมการทำงาน
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก
3. เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ทำงานด้วยระบบใด
ก. Digital ข. Analog
ค. Calculate ง. Numerical
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก
4. ข้อใดไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ
ก. Microsoft Windows98 ข. Microsoft Windows ME
ค. Microsoft Windows XP ง. Microsoft Office
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ง
5. RAM คืออะไร
ก. หน่วยความจาถาวรที่ติดตั้งมาพร้อมกับแผงเมนบอร์ด
ข. หน่วยความจำเสมือน
ค. หน่วยความจำจำลองที่ทำงานแทนเมนบอร์ด
ง. หน่วยความจำชั่วคราวที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ง
6. ROM คืออะไร
ก. หน่วยความจำถาวรที่ติดตั้งมาพร้อมกับแผงเมนบอร์ด
ข. หน่วยความจำเสมือน
ค. หน่วยความจำจำลองที่ทำงานแทนเมนบอร์ด
ง. หน่วยความจำชั่วคราวที่สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก
7. หน่วยของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุดคือข้อใด
ก. Bit ข. Byte
ค. Charater ง. Database
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ก
8. หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำบิตมารวมกันคือข้อใด
ก. Field ข. File
ค. Byte ง. Record
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ค
9. การวัดขนาดข้อมูล 8 Bit มีค่าเท่ากับ
ก. 10 Byte ข. 100 Byte
ค. 1 Byte ง. 1024 Byte
คำตอบที่ถูกต้องคือ ข้อ ค
10. การวัดขนาดข้อมูล 1 KB (กิโลไบต์) มีค่าเท่ากับ
ก. 1024 KB ข. 1024 MB
ค. 1024 Byte ง. 1024 Byte
แนวข้อสอบการเงินและบัญชี
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. บริษัท กขค จำกัด มีสินทรัพย์ 28,000 บาท มีหนี้สิน 10,000 บาท และมีทุนเรือนหุ้น 7,000 บาท ยอดคงเหลือ
ในบัญชีกำไรสะสมเท่ากับ.........บาท ?
ก. 31,000 ข. 17,000
ค. 25,000 ง. 11,000
ตอบข้อ ง. คำนวณประกอบ
จากสมการบัญชี :- สินทรัพย์รวม = หนี้รวม + ส่วนของเจ้าของ
28,000 = 10,000 + ส่วนของเจ้าของ
\ ส่วนของเจ้าของ = 28,000 - 10,000 บาท
= 18,000 บาท
ส่วนของเจ้าของ = ทุนเรือนหุ้น + กำไรสะสม
18,000 = 7,000 + 11,000
2. ระหว่างปีที่ผ่านมาบริษัทบุญมา จำกัด มีรายการสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 2,000 บาท รายการหนี้สินลดลง 1,000 บาท รายการทุนเรือนหุ้นเพิ่มขึ้น 2,000 บาท และมีกำไรสุทธิประจำปี 3,000 บาท กิจการจ่ายเงินปันผล เท่ากับ........บาท ?
ก. 1,000 ข. 2,000
ค. 3,000 ง. 4,000
ตอบข้อ ข. คำนวณประกอบ
จากสมการบัญชี :- สินทรัพย์รวม = หนี้รวม + ส่วนของเจ้าของ
\ ส่วนของเจ้าของ = หนี้สินลด (Dr.) + ทุนเรือนหุ้นเพิ่ม (Cr.)
+ กำไรสุทธิ (Cr.) – จ่ายเงินปันผล (Dr.)
จ่ายเงินปันผล = ทุนเรือนหุ้นเพิ่ม (Cr.) + กำไรสุทธิ (Cr.)
- หนี้สินลดลง (Dr.) – สินทรัพย์เพิ่ม (Dr.)
= 2,000 + 3,000 – 1,000 – 2,000 บาท
= 2,000 บาท
3. บริษัทสหภัณฑ์ จำกัด มีหนี้สิน 40,000 บาท กำไรสะสม 20,000 บาท และเงินทุนจดทะเบียน 15,000 บาท
กิจการนี้มีสินทรัพย์เป็นจำนวน ............. บาท
ก. 35,000 ข. 45,000
ค. 55,000 ง. 75,000
ตอบข้อ ง. คำนวณประกอบ
จากสมการบัญชี :- สินทรัพย์รวม = หนี้รวม + ส่วนของเจ้าของ
= 40,000 + (15,000 + 20,000)
= 75,000 บาท
4. บริษัท มานาน จำกัด บันทึกรายได้จากการขายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่บริษัทจะไม่รับการจ่ายชำระเงิน จนกว่าจะถึงปีหน้า การปฏิบัติเช่นนี้เป็นตัวอย่างของ
ก. Clash Basis Accounting ข. Accrual Accounting
ค. Historical Costing ง. Improper Recognition
ตอบข้อ ข. ดูคำอธิบายข้อ 1. ประกอบ
5. บริษัท การเวก จำกัด ซื้อที่ดินเมื่อ 2 ปีที่แล้วในราคา 100,000 บาท เมื่อเร็วๆ นี้กิจการได้รับข้อเสนอขาย
ที่ดินแปลงนี้ในราคา 125,000 บาท และขณะนี้ที่ดินมีราคาประเมินเป็นเงิน 140,000 บาท มูลค่าประเมิน
เพื่อเสียภาษีทรัพย์สินเท่ากับ 85,000 บาท บริษัทควรจะแสดงมูลค่าของที่ดินในงบการเงินเป็นจำนวน
เท่าไร
ก. 100,000 ข. 125,000
ค. 140,000 ง. 85,000
ตอบข้อ ก. การบันทึกรายการสินทรัพย์และหนี้สินถือเกณฑ์ราคาต้นทุน ซึ่งหมายถึงราคาที่เกิดขึ้น
จากการซื้อขายที่คำนวณได้อย่างมีหลักเกณฑ์ โดยไม่ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของคนใดคนหนึ่ง
มีหลักฐานประกอบการบันทึกบัญชีเป็นหลักฐานที่เชื่อถือและเป็นธรรมต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทุกฝ่ายเป็นการปฏิบัติโดยถือหลักราคาทุน (Cost Concept) ซึ่งมีความสัมพันธ์หลัก
ความดำรงอยู่ของกิจการ (Going Concept) และหลักการใช้หลักการอันเที่ยงธรรม
(Materiality)
6. การคิดต้นทุนของสินทรัพย์ตามงวดบัญชีได้รับประโยชน์จากการใช้สินทรัพย์นั้นเป็นตัวอย่างของหลักการ
ก. Conservatism ข. Matching
ค. Materiality ง. Allocation
ตอบข้อ ข. หลักการจับคู่ค่าใช้จ่ายกับรายได้ (Matching) จะนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการหาผลการดำเนินงานของกิจการ โดยการบันทึกรายได้ตามหลักการเกิดขึ้นของรายได้ (Revenue Recognition) และหลักเงินค้าง (The Accrual Basis) ของงวดบัญชีนั้น แล้วจึงนำค่าใช้จ่ายที่ทำให้เกิดรายได้หรือผลประโยชน์ขึ้นมาจับคู่ และถือเป็นค่าใช้จ่ายในงวดบัญชีนั้นๆ ด้วย
7. บริษัท ไทยรุ่งเรือง จำกัด มีส่วนของเจ้าของจำนวน 42,000 บาท ณ วันต้นงวด และจำนวน 46,000 บาท
ณ วันปลายงวด ผู้ถือหุ้นลงทุน 5,000 บาท ในระหว่างงวด และมีการประกาศและจ่ายเงินปันผล 2,000 บาท
กำไรสุทธิประจำปีเท่ากับ
ก. 4,000 ข. 2,000
ค. 3,000 ง. 1,000
ตอบข้อ ง. คำนวณประกอบ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันปลายงวด 4,600 บาท
บวก จ่ายเงินปันผล 2,000 บาท
48,000 บาท
หัก ส่วนของเจ้าของ ณ วันต้นงวด 42,000
ลงทุนเพิ่ม 5,000 47,000 บาท
\ กำไรสุทธิประจำปี 1,000 บาท
8. รายการทางบัญชีรายการใดมีความสำคัญหรือไม่มีความสำคัญต่อการรายงานในงบการเงินเกี่ยวข้องกับ
หลักการ
ก. Conservatism ข. Materiality
ค. Comprehensiveness ง. Periodicity
ตอบข้อ ข. หลักการมีนัยสำคัญ (Materiality) คือ งบการเงินควรเปิดเผยข้อมูลที่มีนัยสำคัญซึ่งมีผลต่อ
การตัดสินใจของผู้ใช้ ทั้งนี้เพื่อผู้ใช้จะได้เข้าใจโดยถูกต้องถึงผลการดำเนินงานฐานะการเงิน
และการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินของกิจการเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญ หมายถึง เหตุการณ์
ซึ่งถ้าหากผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มีโอกาสรับทราบแล้ว อาจตัดสินใจผิดไปจากกรณีที่รับทราบ
9. การคิดต้นทุนที่เกิดขึ้นเพื่อก่อให้เกิดรายได้สำหรับงวดบัญชีเดียวกันที่มีรายงานได้เป็นตัวอย่างของหลักการ
ก. Conservatism ข. Matching
ค. Materiality ง. Stewardship
ตอบข้อ ข. ดูคำอธิบายข้อ 6 ประกอบ
10. การไหลข้าวของทรัพยากร เนื่องจากความพยายามที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ เรียกว่า
ก. Asset ข. Liability
ค. Revenue ง. Expense
แนวข้อสอบเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลของร้านค้า :
– ทรัพย์สิน (บางรายการ) และหนี้สิน (ทุกรายการ) ณ วันต้นปี 2553 มีดังต่อไปนี้ :
รายได้รับล่วงหน้า 39,000 บาท ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย 63,000 บาท
รายได้ค้างรับ 28,000 เจ้าหนี้ 87,000
ค่าใช้จ่ายล้วงหน้า 46,000 เงินกู้ 95,000
– ระหว่างปี 2553 เจ้าของร้านได้นำเงินมาลงทุนเพิ่มอีก 59,000 บาท และได้ถอนเงินออกไปใช้ส่วนตัว 63,000 บาท
– ขาดทุนสุทธิสำหรับปี สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2553 มีจำนวนเท่ากับ 24,000 บาท
– ทรัพย์สิน ณ วันปลายปี 2553 มีจำนวนน้อยกว่าทรัพย์สิน ณ วันต้นปี 2553 33,000 บาท
– หนี้สินและทุน ณ วันต้นปี 2553 มีสัดส่วนเท่ากับ 2:3
1. ทุน ณ วันปลายปี 2553 มีจำนวนเท่ากับเท่าใด
ก. 454,000 บาท ข. 446,000 บาท
ค. 524,000 บาท ง. 406,000 บาท
จ. 398,000 บาท
ตอบ จ. คำนวณหายอดหนี้สิน ณ วันต้นปี 2553
เจ้าหนี้ 87,000
ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย 63,000
รายได้รับล่วงหน้า 39,000
เงินกู้ 95,000
ยอดรวม 284,000
คำนวณหายอดทุน ณ วันต้นปี 2553
จากอัตราส่วนหนี้สินและทุน ณ วันต้นปี 2553 เท่ากับ 2:3
ดังนั้น ยอดทุน ณ วันต้นปี 2553 = 284,000
= 426,000 บาท
คำนวณหายอดทุน ณ วันปลายปี 2553
ยอดทุน ณ วันปลายปี = ยอดทุน ณ วันต้นปี 2553–ขาดทุนสุทธิ +ลงทุนเพิ่ม-ถอนใช้ส่วนตัว
= 426,000 – 24,000 + 59,000 – 63,000 = 398,000 บาท
2. หนี้สิน ณ วันปลายปี 2553 มีจำนวนเท่ากับเท่าใด
ก. 279,000 บาท ข. 233,000 บาท
ค. 153,000 บาท ง. 231,000 บาท
จ. 271,000 บาท
ตอบ ค. คำนวณหาทรัพย์สิน ณ วันปลายปี 2553
ทรัพย์สิน ณ วันต้นปี = หนี้สิน ณ วันต้นปี + ทุน ณ วันต้นปี
= 284,000 + 426,000 = 710,000 บาท
ทรัพย์สิน ณ วันปลายปี = ทรัพย์สิน ณ วันต้นปี - 33,000 บาท
= 710,000 – 33,000 = 677,000 บาท
คำนวณหาหนี้สิน ณ วันปลายปี 2553
หนี้สิน ณ วันปลายปี = ทรัพย์สิน ณ วันปลายปี – ทุน ณ วัน ปลายปี
= 677,000 - 524,000 = 153,000 บาท
จงใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการตอบคำถาม
ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินและหนี้สินของร้านพล :
31 ธันวาคม 2552 31 ธันวาคม 2553
เงินสด 27,000 บาท ? บาท
ลูกหนี้ 82,000 64,000
ตั๋วเงินรับ 41,000 53,000
สินค้า 73,000 85,000
วัสดุสำนักงาน 26,000 12,000
ทรัพย์สินถาวร (สุทธิ) 408,000 366,000
เจ้าหนี้ 49,000 71,000
เงินกู้ 200,000 50,000
เงินเดือนค้างจ่าย 22,000 19,000
รายได้เบ็ดเตล็ดค้างรับ ? 13,000
ค่าเบี้ยประกันภัยจ่ายล่วงหน้า 11,000 -
ค่าเช่ารับล่วงหน้า - 7,000
ค่าโฆษณาจ่ายล่วงหน้า - 8,000
เงินสดรับและเงินสดจ่ายสำหรับปี 2553 สรุปได้ดังนี้
เงินสดรับ |
เงินสดจ่าย |
จากลูกหนี้ 401,000 บาท จากตั๋วเงินรับ 177,000 จากรายได้เบ็ดเตล็ด 40,000 จากค่าเช่ารับ 46,000 |
ซื้อสินค้าเป็นเงินสด ? บาท ชำระเจ้าหนี้ ? เงินเดือน 51,000 ค่าเบี้ยประกันภัย 34,000 ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 48,000 ดอกเบี้ยจ่าย 37,000 ค่าโฆษณา 31,000 ซื้อวัสดุสำนักงาน 18,000 ชำระเงินกู้ 150,000 |
ข้อมูลเพิ่มเติม
– ระหว่างปี 2553 ได้ตัดลูกหนี้เป็นหนี้สูญ 56,000 บาท รับคืนสินค้า 49,000 บาท ส่งคืนสินค้า 34,000 บาท ส่วนลดรับ 18,000 บาท ส่วนลดจ่าย 25,000 บาท
– ยอดซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อสำหรับปี 2553 มีจำนวนเท่ากัน 228,000 บาท
– กำไรขั้นต้นสำหรับปี 2553 มีจำนวนเท่ากับ 343,000 บาท
– ยอดรวมได้อื่นสำหรับปี 2553 มีจำนวนเท่ากับ 86,000 บาท
5. ยอดขายสำหรับปี 2553 เท่ากับเท่าใด
ก. 702,000 บาท ข. 687,000 บาท
ค. 714,000 บาท ง. 695,000 บาท
จ. 680,000 บาท
ตอบ ก. คำนวณหายอดขายสินเชื่อสำหรับปี 2553
ยอดลูกหนี้และตั๋วเงินรับ ณ วันปลายปี (64,000 + 53,00) 117,000
บวก รับชำระเป็นเงินสด (401,000 + 177,000) 578,000
ตัดหนี้สูญ 56,000
รับคืนสินค้า 49,000
ส่วนลดจ่าย 25,000 708,000
825,000
หัก ยอดลูกหนี้และตั๋วเงินรับ ณ วันต้นปี (82,000 + 41,000) 123,000
ยอดขายเชื่อ 702,000
6. ในปี 2553 เงินสดจ่ายชำระเจ้าหนี้มีจำนวนเท่ากับเท่าใด
ก. 198,000 บาท ข. 147,000 บาท
ค. 154,000 บาท ง. 56,000 บาท
จ. 139,000 บาท
ตอบ ค. คำนวณหาเงินสดจ่ายชำระหนี้สำหรับปี 2553
ยอดเจ้าหนี้ ณ วันต้นปี 49,000
บวก ซื้อเชื่อ 228,000
277,000
หัก ยอดเจ้าหนี้ ณ วันปลายปี 71,000
ส่งคืนสินค้า 34,000
ส่วนลดรับ 18,000 123,000
เงินสดจ่ายชำระเจ้าหนี้ 154,000
7. ยอดซื้อสินค้าเป็นเงินสดสำหรับปี 2553 เท่ากับเท่าใด
ก. 69,000 บาท ข. 143,000 บาท
ค. 121,000 บาท ง. 17,000 บาท
จ. 133,000 บาท
ตอบ ข. คำนวณหาต้นทุนขายสำหรับปี 2553
ต้นทุนขาย = ยอดขาย – กำไรขั้นต้น
= 702,000 – 343,000 = 359,000 บาท
คำนวณหายอดซื้อสำหรับปี 2553
ยอดซื้อรวม = สินค้าคงเหลือ ณ วันปลายปี + ต้นทุนขาย – สินค้าคงเหลือ ณ วันต้นปี
= 85,000 + 359,000 - 73,000 = 371,000 บาท
คำนวณหายอดซื้อสินค้าเป็นเงินสดสำหรับปี 2553
ยอดซื้อสด = ซื้อรวม – ชื่อเชื่อ
= 371,000 – 228,000 = 143,000 บาท
8. ข้อความในข้อใดเป็นข้อความที่ถูกต้อง
一. รับเงินในปี 2553 แต่เป็นรายได้ของปี 2554 คือ รายได้รับล่วงหน้าต้นปี 2553
二. จ่ายเงินในปี 2554 แต่เป็นค่าใช้จ่ายของปี 2553 คือ ค่าใช้จ่ายค้างจ่ายต้นปี 2553
三. รับเงินในปี 2552 แต่เป็นรายได้ของปี 2553 คือ รายได้ค้างรับปลายปี 2552
四. จ่ายเงินในปี 2553 แต่เป็นค่าใช้จ่ายของปี 2552 คือค่าใช้จ่างค้างต้นปี 2553
五. รับเงินในปี 2554 แต่เป็นรายได้ของปี 2553 คือ รายได้รับล่วงหน้าต้นปี 2554
ตอบ ง.
9. เงินเดือนและค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับปี 2553 เท่ากับเท่าใด
ก. 77,000 บาท ข. 93,000 บาท
ค. 99,000 บาท ง. 71,000 บาท
จ. 137,000 บาท
ตอบ ข. คำนวณเงินเดือนและค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับปี 2553
เงินเดือนค้างจ่าย ณ วันปลายปี 19,000
ค่าเบี้ยประกันภัยจ่ายลวงหน้า ณ วันต้นปี 11,000 30,000
บวก จ่ายชำระเป็นเงินสด (51,000 + 34,000) 85,000 115,000
หัก เงินเดือนค้างจ่าย ณ วันต้นปี 22,000
เงินเดือนและค่าเบี้ยประกันภัย 93,000